คาดหวังแบบโอเว่อร์
เห็นรูปนี้แล้ว ถ้ารู้สึกว่าตัวเองอยากได้หุ่นแบบนี้ ไม่ถือว่าเป็นการ คาดหวังแบบโอเว่อร์ เพราะมันมีความเป็นไปได้ ถ้าคุณพยายามจริงๆ แต่ถ้าคุณอยากได้มันมาในระยะเวลาแค่ไม่กี่เดือน แล้วก็ไม่ได้พยายามอย่างจริงจังเลย นั่นแหละเป็นการ คาดหวังแบบโอเว่อร์
.
บางครั้งเราเห็นคนอื่น ลดน้ำหนักได้ 10 กิโลกรัม ภายใน 1 เดือน คุณรู้สึกว่า โอ้โห…เดือนนึงก็ผอมได้แล้วหรอ แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้นะที่จะลดได้ 10 กิโลกรัม แต่จะเกิดกับคนที่น้ำหนักเกินเยอะๆเป็นร้อยกิโลนั่นแหละ เคยเห็นคนลดได้เดือนนึง 5-8 กิโลกรัม ก็ตกใจแล้ว เราก็รู้สึกว่าถ้าเราลดได้เยอะๆแบบนั้นบ้างก็ดีสิ คงจะดูผอมหุ่นดีขึ้นเยอะ พอทำจริงได้แค่ 1 กิโลกรัม ก็รู้สึกfail เลิกไปเลย ในขณะที่ก็ไม่รู้หรอกว่า เขาอาจจะลดน้ำหนักได้เยอะๆเร็วๆ แต่ก็เด้งกลับมาในระยะเวลาอันสั้นเหมือนกัน
.
น้ำหนักของคนเรามันลดไม่เท่ากัน น้ำหนักตั้งต้นก็ไม่เท่ากัน ส่วนสูงก็ไม่เท่ากัน แต่ถ้าบอกว่าลดน้ำหนักได้ 10 % ภายใน 1 เดือน ก็หมายความว่า คนที่น้ำหนัก 100 จะลดได้ 10 กิโลกรัม คนที่น้ำหนัก 60 จะลดได้ 6 กิโลกรัม ตัวเลขลด 10 กิโลกรัม กับตัวเลขลด 6 กิโลกรัม ก็ดูต่างกันแล้ว ทั้งๆที่ก็ลดได้ในอัตราเดียวกัน
.
แล้วยังมีปัจจัยอื่นอีกเช่น ส่วนสูง ผู้ชายคนที่หนึ่งน้ำหนัก 100 กิโลกรัม ส่วนสูง 180 แปลว่าน้ำหนักเกินมา 20 กิโลกรัม แต่ผู้ชายอีกคนหนึ่ง น้ำหนัก100 เท่ากัน แต่ส่วนสูง 160 แปลว่าน้ำหนักเกินมา 40 กิโลกรัม ดังนั้น ถ้าทั้งสองคนตั้งใจเหมือนๆกัน แต่คนที่สองที่น้ำหนักเกินมากกว่า มีโอกาสลดน้ำหนักได้มากกว่าคนแรก
.
หมายความว่า การคาดหวังกับน้ำหนักมั่วๆ อยากลดเยอะๆเหมือนเขา ต้องกลับมาดูตัวเองว่าน้ำหนักเกินแค่ไหน ถ้าน้ำหนักเกินแค่ 5 กิโลกรัม แต่อยากลดเดือนละ 10 กิโลกรัม ถามว่าจะลดไปเพื่ออะไร
.
ถ้าเราตั้งความหวังว่า เดือนนี้อยากลดได้ 5 กิโลกรัม แต่ทำได้จริงๆแค่1 กิโลกรัม ก็อาจท้อ หมดหวัง แต่ถ้าเราตั้งใจว่า จะปฏิบัติตัวยังไงบ้าง เปลี่ยนการกินยังไง ออกกำลังกายแบบไหน ตอนไหน ไม่ได้สนใจน้ำหนักว่าจะลดเท่าไหร่ ผลปรากฏว่าน้ำหนักลดลงไป 1 กิโล จะรู้สึกภูมิใจมากๆ ที่สำคัญการคาดหวัง ควรคาดหวังกับการมีสุขภาพที่ดีขึ้น สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองได้ในระยะยาว ทำได้ไปตลอด แบบนี้ถือว่าประสบความสำเร็จในก้าวแรกๆแล้ว
.
อีกเรื่องหนึ่งความคาดหวังหรือความอยาก มันต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นไปได้ด้วย เช่น ถ้าถามว่าอยากลดน้ำหนักได้เดือนละกี่กิโลกรัม บางคนก็จะตอบว่า เอาเยอะๆ เร็วๆ 3 -5 กิโลกรัม ทั้งๆที่ตัวเองน้ำหนักเกินมาแค่ 10 กิโลกรัม แต่ในพื้นฐานของความเป็นไปได้ หรือข้อเท็จจริง ร่างกายอาจลดได้ 2 กฺิโลกรัมต่อเดือนเท่านั้น หรือเดือนแรกอาจลดได้ 2 กิโลกรัม เดือนถัดไปอาจไม่ลดเลยก็ได้นะ แม้ว่าจะตั้งใจเหมือนเดิม แต่เดือนถัดมาอาจลด ได้ 4 กิโลกรัมเลย เพราะระบบในร่างกายเรามันซับซ้อน ไม่ใช่การเทียบบัญญัติไตรยางค์ ที่ว่าต้องลดเท่าๆกันทุกๆเดือน
.
นี่พูดถึงกรณีที่ลดน้ำหนักถูกวิธีนะ ไม่ใช่อดอาหาร หรือลดแบบผิดวิธีนะ เป็นไปได้ที่สัปดาห์แรกน้ำหนักอาจหายไปถึง 3 กิโลกรัม แต่ก็น่าจะเป็นส่วนประกอบของ”น้ำ+อื่นๆที่ไม่ใช่ไขมัน” ซัก 90% แต่เป็นไขมันแค่ 10% เพราะไขมันต้องใช้เวลาเผาผลาญออก แต่น้ำกับกล้ามเนื้อมันออกง่ายกว่า ดังนั้นน้ำหนักมีโอกาสเพิ่มกลับขึ้นมาได้ทุกเมื่อ เพราะเราต้องกิน ต้องดื่ม
.
คาดหวังกับหุ่นนางแบบ คิดว่าจะผอมลงเยอะๆภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน หุ่นจะเป๊ะ ก้นจะฟิต ขาจะเล็ก เหมือนดารา แต่พอผ่านไป 6 เดือน ก็ยังไม่เหมือนเขา ขายังใหญ่ ก้นยังหนา พุงยังยื่น แม้ว่าจะลดลงกว่าเมื่อก่อนเยอะแล้วก็ตาม นี่คือความคาดหว่ังที่เป็นไปได้ แต่ไม่ใช่แค่ 3เดือน 6เดือน แล้วยังเรื่องความเข้มข้นในการทุ่มเทล่ะ มันสัมพันธ์กับความคาดหวังของคุณมั้ย อยากหุ่นฟิตเปี๊ยะ แต่ลดการกินอย่างเดียว ไม่ออกกำลังกาย มันจะเป๊ะได้ยังไง
.
การคาดหวังแบบโอเว่อร์ คือคาดหวังแล้วทำไม่ได้ จะรู้สึกแย่ คาดหวังแบบเร็วเกินธรรมชาติ คาดหวังอย่างเดียวแต่ไม่ไม่สัมพันธ์กับการกระทำ คาดหวังแบบไม่มีความรู้ความเข้าใจ คาดหวังด้วยอารมณ์ชั่ววูบ คาดหวังแล้วไม่พยายามต่อเนื่อง ล้มเลิกง่าย เจออุปสรรคก็ไม่พร้อมจะสู้ แบบนี้เขาเรียก “ความเพ้อฝัน”
.
การคาดหวังแบบจริงจัง คือคาดหวังแล้วทำจริง ผิดพลาดก็แก้ไข พัฒนาตัวเอง พัฒนาความรู้ มีรูปร่างไอดอลประทับในหัว ไมใช่แค่อยากผอมชั่วครั้งชั่วคราว เจออุปสรรคก็พร้อมสู้ ไม่ล้มเลิกง่ายๆ คิดจะเปลี่ยนตัวเองไปในทางที่ดีตลอดแบบถาวร แบบนี้เขาเรียก “ความใฝ่ฝัน”
.
สรุป รู้ตัวเองก่อนว่าน้ำหนักเกินเท่าไหร่ ต้องลดให้เหลือน้ำหนักปกติคือเท่าไหร่ (ไม่ใช่อยากลดเท่าไหร่) แล้วไม่ต้องไปกำหนดจำนวนเดือนว่าจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่ หรือไม่ต้องกำนดว่าต้องลดให้ได้เดือนละเท่าไหร่ ไม่ต้องเลียนแบบคนอื่นว่าเขาลดได้เยอะ เราต้องลดเยอะได้อย่างเขา หุ่นดีๆอย่างดารา นางแบบ ดูไว้เป็นแรงบันดาลใจ ไม่ใช่ดูให้บั่นทอนกำลังใจ ให้คาดหวังแค่เรื่องเดียวคือ “พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ดีขึ้น” ของทุกๆวัน
.
ภาพจาก eatlivegrowpaleo.com
โดย ezygodiet.com