30 วิธีสร้างความสุข
การมองโลกในแง่ดี อาจมีคนแซวว่าเป็นพวกโลกสวย แต่ไม่ได้หมายความว่าคนๆนั้นจะไม่มีความทุกข์ ไม่มีปัญหาเข้ามาในชีวิตเลย เพียงแต่เมื่อมีปัญหา ถ้าเราได้ทำในสิ่งทีคิดว่าได้ทำดีที่สุดแล้ว การปล่อยวางก็เป็นขั้นตอนสุดท้าย เพื่อไม่ให้หมกมุ่นอยู่แต่กับความทุกข์ การทำให้จิตใจเรารู้สึกดี มีความสุข ได้ทุกสถานการณ์ ก็เป็นเคล็ดลับหนึ่งในการมีสุขภาพที่ดี รวมถึงการประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักด้วย งั้นเรามาเลียนแบบคนที่มีเขาความสุขได้ทุกสถานการณ์กันเถอะ ดูซิว่าเขามี วิธีสร้างความสุข อย่างไรบ้าง
.
1. เชื่อว่าเรากำลังมีความสุข แม้ว่าตอนนี้กำลังร้องไห้อยู่ก็ตาม ลองดูนะ ทุกอย่างเริ่มต้นที่ความคิด ไม่เสียหายอะไรนี่ที่จะเบี่ยงเบนความคิดจากแง่ร้าย เป็นแง่ดี
.
2. เปลี่ยนสภาพแวดล้อม เดินออกจากรังสีของความทุกข์ ไปหาสถานที่ใหม่ๆซะ จากในห้องเป็นหน้าบ้าน จากโต๊ะทำงานเป็นสวนหย่อม แล้วเราก็จะยิ้มได้เอง
.
3. อย่าโทษใครทั้งนั้น แม้แต่ตัวเอง ไม่มีใครเป็นต้นเหตุ แต่มันคือธรรมชาติ คำว่าธรรมชาติก็คือ สิ่งที่ธรรมดาที่สุด ปกติที่สุด แล้วเราจะไปเสียเวลาโทษธรรมชาติทำไม
.
4. ออกกำลังกายสิ เล่นกีฬาสนุกจะตายไป การได้ใช้พลังงานเป็นการปลดปล่อยที่ดีที่สุด ฮอร์โมนแห่งความสุขจะหลั่งออกมานับไม่ถ้วนเลย
.
5. อยู่ในโลกจริงๆ ออกห่างจากโลกออนไลน์ สร้างความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิดตัวเป็นๆ ดีกว่าคนในจินตนาการนะ
.
6. อย่านินทา ไม่มีใครที่ไม่มีตำหนิหรอก แต่จะไปสนใจตำหนิทำไม ข้อดีของแต่ละคนก็มีอยู่ถมไป ทางที่ดีไม่ควรพูดถึงบุคคลที่สามเลยจะดีกว่า ไม่ว่าจะทางที่ดีหรือไม่ดี
.
7. ฝึกยิ้ม ไม่ต้องถึงกับฉีกยิ้มจนเห็นฟันตลอดเวลาก็ได้ แค่ยิ้มมุมปากอยู่เสมอ ก็ทำให้โลกสวยขึ้นเป็นกองแล้ว
.
8. พร้อมรับสิ่งที่ไม่คาดฝัน อย่าพยายามย้อนเวลา เช่น “ถ้ารู้งี้ไม่ไปดีกว่า” “ถ้าก่อนหน้านี้ไม่ทำแบบนี้ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้” จงมองแต่ปัจจุบัน ว่าตอนนี้เราสามารถทำอะไรได้บ้างไม่ดีกว่าหรอ
.
9. สิ่งดีๆกำลังตามมา คิดอยู่เสมอว่าฝนไม่ได้ตกตลอดไป มันต้องมีวันหยุด ถ้านับจริงๆ ความทุกข์อาจมีแค่ 10% เท่านั้น แต่ความสุขอาจมีถึง 90% ของทั้งชีวิตเลยทีเดียวนะ
.
10. เหลืออะไร ไม่ใช่เสียอะไร คิดตลอดว่าตอนนี้เรามีอะไรอยู่บ้าง อย่าไปสนใจว่าเราได้เสียอะไรไปบ้าง
.
11. ปัญหามีประโยชน์ ทุกๆปัญหาที่เราเจอ ล้วนทำให้เราเก่งขึ้น เข้มแข็งขึ้น เราควรต้องขอบคุณปัญหาด้วยซ้ำ ลองนึกถึงนักเรียนที่แก้โจทย์มากๆ มักเก่งกว่า นักเรียนที่อ่านมากๆนะ
.
12. วิ่งเข้าหาความสุข อย่ารอให้ความสุขวิ่งมาหา และพร้อมรับความสุขด้วย อย่าปล่อยให้ความสุขหลุดมือ
.
13. ชื่นชม ใครจะว่าเป็นการหลงตัวเองก็ช่างเถอะ แต่การชื่นชมตัวเอง และชื่นชมคนรอบข้าง ก็ยังดีกว่าคอยแต่จะตำหนิติเตียนคนอื่นนั่นแหละ
.
14. ทักทายกันด้วยคำพูดน่าฟัง แต่ไม่เสแสร้ง แทนที่จะทักกันด้วยคำว่า “อ้วนขึ้นนะ” เปลี่ยนเป็น “สบายดีนะ” ไม่ดีกว่าหรอ แม้ว่าอีกฝ่ายจะอ้วนขึ้นจริง เราก็ไม่มีสิทธิ์ไปวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น ถ้าอีกฝ่ายย้อนตอบมาว่า “เธอก็ดูอ้วนขึ้นนะ” เราจะรู้สึกยังไง
.
15. หัวเราะบ่อยๆ ยิ่งหัวเราะ ยิ่งเป็นการระบายทั้งความตึงเครียด ทั้งคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากทำให้ตัวเราเองมีความสุขแล้ว คนรอบข้างก็พลอยมีความสุขไปด้วยนะ
.
16. อย่าใส่ใจกับคำนินทา ไม่ว่าใครจะว่าร้าย นินทาเรา จะเป็นเรื่องจริง หรือไม่จริง ก็ไม่ต้องสนใจ ทำในสิ่งที่เราคิดว่าดี คิดว่าถูกต้อง และทำสุดความสามารถเท่านี้ก็พอ
.
17. ปิดทีวี แล้วนั่งเงียบๆ หรืออ่านหนังสือ ดีกว่าการดูหนังตลก ดูสิ่งบันเทิง ไม่ได้ช่วยให้มีความสุขอย่างยั่งยืน แต่การดูตัวเอง อยู่กับจิตใจตัวเองต่างหาก จะทำให้เรามีความสุขอย่างยั่งยืนได้ เพราะเราจะเข้าใจตัวเองมากขึ้นว่าต้องการอะไรกันแน่
.
18. ให้เวลากับครอบครัว ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ในระยะยาวแล้ว กลุ่มคนที่จะให้ความสุขกับเรามากที่สุดก็คือครอบครัว เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึืน ครอบครัวคือกลุ่มคนที่จะอยู่กับเราเสมอ
.
19. อยู่กับปัจจุบัน การคิดถึงแต่สิ่งที่ผิดพลาดในอดีต หรือกังวลกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เป็นความคิดที่ฟุ้งซ่าน ถ้าจิตใจซุกซนล่องลอยไปในอดีต หรือกระโดดไปในอนาคต จงรีบเรียกกลับมาปัจจุบันซะ
.
20. อย่าเปรียบเทียบ ทุกคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่มีทางที่จะมีใครเหมือนใครได้ แม้แต่ฝาแฝด จงมองแต่ข้อดีของตัวเอง ส่วนข้อเสียให้รีบปรับปรุง
.
21. ให้อภัย การเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น จะยิ่งทำร้ายจิตใจตัวเอง การให้อภัย ไม่ใช่การกลับเข้าสู่วงจรความทุกข์ แต่ต้องออกจากวงจรความทุกข์ เช่น มีคนด่าว่าเราอ้วน ถ้าเราให้อภัยแบบกลับเข้าสู่วงจรความทุกข์ก็คือ เรายังคบหาสมาคมกับคนนั้นอยู่ แถมยังร่วมด่าคนอื่นไปด้วย แบบนี้เป็นการให้อภัยที่ไม่ถูก ให้อภัยแล้วต้องออกจากวงจรความทุกข์ด้วยก็คือ พอเขาด่าว่าเราอ้วน เราก็แค่ช่างเขา แล้วเดินออกมาเงียบๆ ไม่ต้องต่อล้อต่อเถียง ไม่คบ ไม่พูด ไม่ร่วมวง แต่ไม่โกรธนาน ไม่อาฆาต ไม่เอาเขามานินทาต่อ แบบนี้ถือเป็นการให้อภัยแบบมีความสุข
.
22. อยู่กับธรรมชาติ ต้นไม้ ทะเล ภูเขา สวนหย่อม สัตว์เลี้ยง ฯลฯ ทุกครั้งที่ได้มองจะรู้สึกสงบ มีความสุข
23. ระบาย ปล่อยอารมณ์ที่อัดอั้นกับคนที่พร้อมจะรับฟังเรา พูดแต่สิ่งที่เรารู้สึก แต่ต้องระวังเรื่องการนินทา ด่าคนอื่นลับหลัง ขอให้จับอารมณ์ของเราเองว่า เรารู้สึกเศร้า เหงา กังวล รู้สึกยังไงก็ระบายไปแบบนั้นตรงๆ ไม่ต้องปรุงแต่ง
.
24. เลือกคบคน ถ้าเราเป็นคนมักมองโลกในแง่ร้าย พอได้อยู่กับกลุ่มคนที่มองโลกในแง่ดี จิตใจดี ให้พลังบวกกับเรา เราก็จะกลายเป็นคนมีพลังบวกเพิ่มขึ้น เผื่อแผ่ไปยังครอบครัวและคนใกล้ชิดเราได้ด้วย
.
25. แก้ปัญหาให้ถูกจุด ต้องรู้ก่อนว่าต้นเหตุของเรื่องที่ทำให้เรารู้สึกทุกข์คืออะไร แก้ปัญหาได้ ความทุกข์หมด ความสุขย่อมเกิด
.
26. ดูแลสุขภาพ เมื่อสุขภาพกายดี มีหรือความสุขจะไม่บังเกิด
.
27. อย่าคิดเล็กคิดน้อย อย่ามัวเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องเลย
.
28. ทำสมาธิ ไม่จำเป็นต้องเข้าวัดก็ได้ ทุกที่สามารถทำสมาธิได้หมด ซักผ้า อาบน้ำ กินข้าว เดิน ขับรถ ห้องพระเงียบๆ ทำให้เรามีสติ รู้เท่าทันจิตใจ ว่าตกลงที่เราทุกข์ ทุกข์เพราะอะไรกันแน่ บางทีก็ทุกข์แบบไม่มีสาเหตุ พอเรามีสติ ก็สามารถกำจัดความทุกข์ได้
.
29. อยากรู้อยู่เสมอ ทำไมเด็กๆถึงไม่ค่อยมีความทุกข์ ก็เพราะพวกเขากระหายข้อมูล อยากรู้อยากเห็นไปซะทุกเรื่อง สมองพร้อมรับทุกอย่าง ไม่เหมือนผู้ใหญ่ที่มีอีโก้สูง คิดว่าตัวเองรู้ไปหมด เลยวัยเรียนแล้ว รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ เลียนแบบเด็กๆสิ
.
30. มีความฝัน เคยนึกถึงว่าคนเราเกิดมาทำไมมั้ย กิน นอน เที่ยว เล่น เรียน ทำงาน ความใฝ่ฝันที่เป็นแรงขับเคลื่อนของเราคืออะไร ความใฝ่ฝันไม่จำเป็นต้องเลิศหรูอลังการ ขอแค่ทำแล้วเรามีความสุขก็พอ
.
เขียนโดย ezygodiet.com