สูดออกซิเจนลดน้ำหนัก
หลายคนคงเคยเห็นผู้ป่วยที่ต้องใส่สายออกซิเจน มีสายยางต่อมาจากถังออกซิเจน โยงมาที่จมูก เพื่อส่งออกซิเจนโดยตรง เพื่อให้ผู้ป่วยแข็งแรง หรือแก้ปัญหาสุขภาพบางอย่าง แต่มีการนำหลักการนี้ มาใช้เพื่อการลดน้ำหนักโดยเฉพาะ สำหรับคนปกติ เรียกว่า ออกซิเจนเธอราปี (Oxygen Therapy) หรือ ออกซิเจนบาร์ (Oxygen Bar) พูดง่ายๆคือการ สูดออกซิเจนลดน้ำหนัก
วิธีลดน้ำหนักนี้ เริ่มมีมาตั้งแต่ ปีค.ศ. 1990 ที่สหรัฐอเมริกา ออกซิเจนจะอยู่ในรูปของเหลว เติมน้ำมันหอมระเหย ละลายปนกันอยู่ในขวดที่เราเคยเห็นในห้องทดลอง วิธีการก็แค่ทำให้ของเหลวเดือด ออกซิเจน และกลิ่นหอม ก็จะระเหยขึ้นมาตามท่อสายยางเล็กๆ สอดเข้าไปในจมูก หรือใช้มาสค์ครอบที่จมูก เหมือนผู้ปวยที่ต้องได้รับออกซิเจน ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดใดๆ แถมยังมีกลิ่นให้เลือกหลากหลาย เหมือนอโรมาเธอราปี
โดยมีการเปิดเป็นร้านค้า คล้ายบาร์นั่งดื่มเหล้า แต่เป็นบาร์สูดออกซิเจนแทน จะสูดนานแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับความพอใจ และเงินในกระเป๋า แต่ส่วนใหญ่จะสูดกันครั้งละประมาณ 20 นาที ราคาประมาณนาทีละ 1 เหรียญสหรัฐ แต่ถ้าสูดมากก็อาจถูกลง
ฟังดูแล้วเหมือนเป็นวิธีลดน้ำหนักที่ง่ายดาย ดึงดูดคนชอบลองวิธีแปลกๆ อยากผอม แต่รักสบาย แต่ถ้าเรานั่งๆนอนๆ แล้วสูดออกซิเจนจากท่อนี้เฉยๆ ไม่ได้ออกกำลังกาย กล้ามเนื้อ หรือไขมัน ไม่ได้ต้องการออกซิเจนเพิ่มขึ้นเลย ต่อให้สูดออกซิเจนเข้าไปมากแค่ไหน มันก็ผ่านเข้าปอด เหลือใช้ก็หายใจออกมาอยู่ดี
เขาว่าหลักการลดน้ำหนักด้วยการสูดออกซิเจน คือ เมื่อไขมันได้รับออกซิเจน ไขมันจะถูกเผาผลาญกลายเป็นพลังงานได้ง่ายขึ้น ได้น้ำ และคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นส่วนเกิน แล้วก็ถูกขับออกจากร่างกาย ถ้าให้เข้าใจง่ายๆคือ เหมือนเวลาเราออกกำลังกาย แล้วต้องการออกซิเจนมากขึ้น เพื่อเผาผลาญไขมันนั่นเอง
นอกจากสูดออกซิเจนที่ระเหยขึ้นมาแล้ว ยังมีเป็นออกซิเจนเหลว สำหรับผสมน้ำดื่มระหว่างวันซะด้วย โดยขายเป็นขวดเล็กๆ มีที่หยด พอจะใช้ ก็หยดทีละหยด ประมาณ 20 หยด ใส่ลงในน้ำดื่ม หรือน้ำผลไม้ บางที่ก็มีเพิ่มวิตามิน และแร่ธาตุเข้าไปด้วย (เวป fitday มีกระแนะกระแหนด้วยว่า ทำอย่างกับออกซิเจนจะซึมเข้าเหงือกได้งั้นแหละ)
แต่เวป livestrong กลับสนับสนุนว่า ออกซิเจนจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด เพื่อเพิ่มระบบเผาผลาญ เพิ่มความอึดในการออกกำลังกาย (แต่ไม่ได้บอกว่า เป็นประโยชน์สำหรับคนที่ไม่ได้ออกกำลังกายหรือไม่)
ประโยชน์ของการสูดออกซิเจนโดยตรงก็คือ ลดความเครียดได้ ทำให้รู้สึกมีพลังงาน กระปรี้กระเปร่า ลดอาการเมาค้าง ปวดหัว ไซนัส และทำให้ผ่อนคลาย แต่ยังไม่มีการยืนยันเกี่ยวกับสุขภาพในระยะยาว สำหรับคนปกติที่มีปอดแข็งแรงอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเพิ่ม
The American Lung Association บอกว่า การสูดออกซิเจนเพิ่มเติมเล็กน้อย สำหรับคนปกติ ไม่ได้มีผลประโยชน์ทางสรีรวิทยา แต่ก็ไม่ได้มีโทษหรืออันตรายใดๆ แต่ถ้าได้รับมากๆเกินความจำเป็นแบบโอเว่อร์โหลด ก็อาจทำให้หยุดหายใจได้
ความสะอาดของอุปกรณ์ก็เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าสายยาง น้ำมันหอมระเหยที่ใส่เข้าไปในออกซิเจน มีการปนเปื้อนก็อาจทำให้ปอดติดเชื้อได้ อันตรายยังรวมถึงการระเบิด เพราะอย่าลืมว่า ออกซิเจนเป็นเชื้อเพลิงชั้นดี บางที่ก็ต้องห้ามสูบบุหรี่ในร้าน (จะมาดมออกซิเจน แล้วจะสูบบุหรี่ทำไมเนี่ยะ)
สรุปแล้ว การสูดออกซิเจน ไม่ใช่เรื่องเสียหาย และเป็นความพอใจของแต่ละคน แต่ถ้าจะสูดเพื่ออยากลดน้ำหนัก มันจะไม่ใช่ผลทางตรง ถ้าคิดแต่จะนั่งเล่น นอนเล่น สูดออกซิเจนอย่างเดียว ไม่ควบคุมอาหาร ไม่ทานอาหารสุขภาพ ไม่ออกกำลังกายใดๆเลย แบบนี้คงได้แต่ความรู้สึกคลายเครียด เหมือนสูดกัญชาซะมากกว่า
ดังนั้น หันมาลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีก่อน ควบคุมแคลอรี่ขาเข้า เพิ่มแคลอรี่ขาออก ทานอาหารสุขภาพ มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนพักผ่อนให้มากพอ ถ้าทำทุกอย่างแล้ว อยากจะสูดออกซิเจน หรือกินออกซิเจน ก็ไม่ได้เสียหายอะไร สำหรับแอดมินคิดว่าออกซิเจนเหลวนี้ น่าจะเหมาะกับนักกีฬามืออาชีพ ที่ต้องอาศัยการฟื้นตัวเร็ว ความอึดในการแข่งขัน สำหรับคนทั่วไป แค่ออกกำลังกายให้ได้สม่ำเสมอก็ยากแล้ว
สำหรับคนที่อยากได้ออกซิเจนเพิ่มจากธรรมชาติ ก็สามารถเพิ่มออกซิเจนเข้าปอดได้ด้วยตัวเอง จากการฝึกการหายใจ หายใจเข้าให้ท้องป่อง ไม่ใช่ให้ส่วนอกป่อง หายใจเข้าธรรมดาๆ แต่เวลาปล่อยลมหายใจ ให้ปล่อยแบบเหมือนถอนหายใจ หรือเหมือนการหัวเราะ มันจะเป็นการไล่คาร์บอนไดออกไซด์ออก แล้วเราจะสูดอากาศได้มากขึ้นเองโดยอัตโนมัติ การออกกำลังกายชนิดแอโรบิค ก็ถือเป็นการฝึกการหายใจ เพิ่มออกซิเจนอีกแบบด้วย อย่าลืมว่า อยากลดน้ำหนัก ต้องไม่ขี้เกียจนะคะ
.
อ้างอิง