เป็นเรื่องที่ง่ายในการแสดงความรักต่อตัวเองและครอบครัว
ด้วยการตรวจสุขภาพประจำปี แต่ต้องระลึกไว้เสมอว่ามันไม่ใช่การรักษาสุขภาพ
เหมือนเวลาสอบปลายภาค ก็ไม่ใช่เป็นตัวชี้วัดว่าคุณเก่งหรือไม่เก่ง
หลายคนที่ทำประกันสุขภาพแล้วได้ใจ ราวกับว่ามันประกันว่าคุณจะไม่ป่วยแน่นอน
หรือได้รับการตรวจสุขภาพประจำทุกปี ก็วางใจ กินอย่างกับภูมิใจที่ตัวเองดูแลตัวเองดีแล้ว
หรือเวลาสอบปลายภาคผ่าน เอนทรานซ์ติด ก็ทระนงตัวว่าฉันประสบความสำเร็จในชีวิตแล้ว
วันนี้คุณทำอะไรให้สุขภาพดีแล้วหรือยัง
.
การตรวจสุขภาพเป็นแค่การทดสอบเบื้องต้นเท่านั้น มันเป็นแค่ตัวบอกสัญญาณ
แต่มันไม่ได้คอนเฟิร์มว่าคุณเป็นหรือไม่เป็นโรคใดๆ
บางคนรู้ว่าจะต้องตรวจสุขภาพตอนเดือนธันวาคม ดังนั้นพวกเขาก็จะ
เริ่มดูแลตัวเองมากขึ้นตอนเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายน
แล้วหลังจากตรวจสุขภาพตอนเดือนธันวาคม เมื่อผลลัพธ์ไม่มีผิดปกติใดๆ
ก็จะกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม จงอย่าฝากชีวิตไว้กับหมออย่างเดียว
.
อ้วนแต่ไขมันไม่สูง
หลายคนที่อ้วน น้ำหนักเกิน แต่ไขมันปกติ น้ำตาลปกติ ทุกอย่างปกติ
ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีโอกาสเป็นโรคไขมันสูง เบาหวาน หรือโรคอื่นๆเลย
มันอาจจะมีแต่ยังไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องกินยารักษา เช่น เกณฑ์การสอบผ่านคือ 50%
แต่คุณสอบได้ 51% ก็ยังถือว่าผ่าน ในขณะที่อีกคนสอบได้49% ห่างกันแค่2% ก็ถือว่าตกแล้ว
ถ้ายังไม่ปรับพฤติกรรม เซลล์เริ่มเสื่อมง่าย โรคพวกนี้ก็แสดงออกมาโดยที่เราไม่ทันตั้งตัวเลย
.
ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา บางคนอาจให้ของขวัญครอบครัวด้วยการพาไปตรวจสุขภาพ
พอตรวจเสร็จไม่มีอะไรผิดปกติ ก็พากันไปกินเหล้า กินของปิ้งย่าง อาหารขยะ
ไม่ใช่ว่าการตรวจสุขภาพไม่ดี แต่อยากให้เข้าใจแก่นของการดูแลสุขภาพจริงๆ
ทำอย่างไรให้เราได้ดูแลสุขภาพทุกๆวัน ทำทุกอย่างเพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ
การตรวจสุขภาพแทบจะไม่จำเป็นเลย (แต่ตรวจก็ดี)
เพราะเมื่อเราทำจนชินแล้ว รู้สึกว่าตัวเองพยายามมากที่สุดเท่าที่ทำได้แล้ว
ตรวจสุขภาพผลจะเป็นอย่างไร เราก็ยังสามารถทำได้เหมือนเดิมอยู่ดี
เพราะทำได้ดีอยู่แล้ว หรือจะรอให้ตรวจแล้วเจอก่อนค่อยมีใจมาดูแลสุขภาพจริงๆจังๆซะที
.
ดังนั้น คนที่ขึ้นชื่อว่ารักสุขภาพ ไม่ใช่แค่การไปตรวจสุขภาพ
หรือไม่ใช่แค่การกินสลัดสัปดาห์ละครั้ง ไม่ใช่แค่การกินผลไม้ทุกวัน
แต่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมแบบเบ็ดเสร็จ ทั้งการควบคุมปริมาณ เพิ่มคุณภาพการกิน
ลด ละ เลี่ยง เลิกสิ่งต่างๆที่ทำลายสุขภาพ สิ่งแวดล้อม ด้านจิตใจ ความเครียด
อากาศดี ออกกำลังกาย พักผ่อน ปล่อยวาง
สุดท้ายคือการแบ่งปันความรู้ แนะนำ บังคับ เกลี้ยกล่อม หรืออะไรก็แล้วแต่จะเรียก
ให้คนใกล้ชิด ซึ่งเป็นของขวัญที่มีประโยชน์ที่สุด
เขียนโดย ezygodiet.com
หากคิดว่าบทความนี้พอมีประโยชน์บ้าง
อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ แสดงความคิดเห็น
แบ่งปันให้เพื่อนๆ มีสุขภาพดีๆ กันถ้วนหน้าด้วยนะคะ