ยาลดน้ำหนัก

ยาลดน้ำหนัก

ยาลดน้ำหนัก ยี่ห้อไหนดี

ก่อนถามเรื่องยี่ห้อ  เรามาทำความรู้จักกับ ยาลดน้ำหนัก กันจริงๆจังๆก่อนดีมั้ย ว่าที่เราเรียกว่า ยาลดน้ำหนัก มันคืออะไรกันแน่

.

ยาลดน้ำหนัก มีมาตั้งแต่เมื่อไหร่

เชื่อมั้ยว่า ยาลดน้ำหนัก เริ่มมีมาตั้งแต่ ศตวรรษที่2 แล้ว ถ้านึกไม่ออกก็ช่วง ปี ค.ศ.101-200   พูดง่ายๆก็คือ ยาลดน้ำหนัก มีมาตั้งแต่เมื่อเกือบสองพันปีแล้ว แอดมินล่ะทึ่งเลยว่า คนสมัยก่อนก็อ้วนกันด้วยหรอ

.

จุดเริ่มต้นก็คงหนีไม่พ้นชาวกรีก ต้นกำเนิดของวิทยาการต่างๆ โดยยาลดน้ำหนักที่ว่านี้  จะเป็นพวกออกฤทธิ์เป็นยาระบาย ส่วน  การใช้ความร้อน และการออกกำลังกาย ก็ยังคงเป็นพื้นฐาน ที่คิดขึ้นมาได้เป็นพันๆปีแล้ว

.

ต่อมา ปีค.ศ.1920-1930  ได้เริ่มมียา DNP ซึ่งเป็นยาที่รักษาไทรอยด์  แต่นำมาใช้กับคนที่ไม่ได้เป็นไทรอยด์ จะช่วยผลิตความร้อน แต่อาการข้างเคียงคือ เราจะรู้สึกร้อนอยู่ตลอดเวลา แต่พอปีค.ศ. 1938 FDA ได้ประกาศยกเลิกสาร DNP นี้แล้วเพราะเป็นอันตราย

.

ต่อมาปลายปีค.ศ.1930   ก็เริ่มใช้ยาแอมเฟตามีน  เพื่อการลดน้ำหนัก ซึ่งจะออกฤทธิ์กดความอยากอาหาร  และต้องใช้ยาตัวอื่นๆเข้ามาร่วมกัน เพื่อลดอาการข้างเคียง เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาหัวใจ ยาระบาย ยาลดความดัน

.

ยาลดน้ำหนักในยุดหลังๆ  ตั้งแต่ปีค.ศ. 2000 ขึ้นไป   ก็จะเริ่มมีพวก  ยาลดการดูดซึมไขมัน เช่น โอลิสสแตท(เซนิคาล) พอ FDA อนุญาติให้มีขายทั่วไปได้ไม่นาน ก็เริ่มพบอาการรุนแรงที่เป็นพิษกับตับ   แต่ก็ยังไม่ได้ยกเลิกยานี้แค่เพิ่มข้อความคำเตือนในฉลากเฉยๆ

.

นอกจากนี้ยังมียาตัวอื่นๆออกมาเพิ่มไม่ขาดสายเช่น

โลคาเซริน ลดน้ำหนักได้ แต่ผลข้างเคียงคือ เกิดเนื้องอก

ไซบูทรามีน ทำให้เบื่ออาหาร แต่ผลข้างเคียงคือ ความดันสูงขึ้น ปากแห้ง ท้องผูก ปวดหัว นอนไม่หลับ

ไรโมนาแบนท์ ช่วยลดความอยากอาหาร เพิ่มความร้อน แม้ว่าจะไม่ค่อยมีผลข้างเคียงอะไรมาก แต่ก็ใช้ไม่ค่อยได้ผลนัก

เมทฟอร์มิน ช่วยลดกลูโคส และเพิ่มการเผาผลาญกลูโคส เป็นยารักษาโรคเบาหวาน

อีเซนาไทด์ ทำให้รู้สึกอิ่มนาน ใช้ในผู้ป่วยโรคอ้วนที่ขาดฮอร์โมนเกี่ยวกับความอิ่ม

แพรมลินไทด์ ทำให้รู้สึกอิ่มนาน มักใช้ผู้ป่วยเบาหวาน

.

ผลข้างเคียง จากยาลดน้ำหนักเริ่มตั้งแต่ ความดันสูงขึ้น หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ นอนไม่หลับ รู้สึกหวาดผวา ติดยา ถ่ายเป็นน้ำมัน ปวดท้อง ท้องอืด ไปจนถึงอาการขั้นรุนแรง เช่น ลิ้นหัวใจรั่ว เส้นเลือดในสมองแตก หมดสติ และเสียชีวิตได้

.

ยาลดน้ำหนัก ที่จัดเป็นชุดขาย ประกอบด้วย

.

1. ยาขับปัสสาวะ   ก็แค่เป็นการขับน้ำออกจากร่างกายเท่านั้น ไม่ได้ขับไขมันเลย และไม่มีผลต่อการลดแคลอรี่ด้วย น้ำหนักลดลงก็ไม่แปลก และน้ำหนักก็สามารถกลับมาได้ไม่ยาก   เพราะเราต้องทานน้ำทุกวัน

ผลข้างเคียง ก็คือ สูญเสียเกลือแร่ ทำให้หัวใจ และสมองทำงานผิดปกติ อาจทำให้หัวใจวายได้

.

2. ยาธัยรอยด์ฮอร์โมน   ปกติจะเป็นยารักษาคนเป็นโรคธัยรอยด์ต่ำ  ซึ่งยาธัยรอยด์จะไปเพิ่มการเผาผลาญ

ผลข้างเคียง คือ ทำให้กล้ามเนื้อลดลง ไม่ใช่ไขมันลดลง จึงทำให้เกิดอาการใจสั่น  และหัวใจเต้นผิดจังหวะได้

.

3. ยาลดความอยากอาหาร   จะเป็นยากลุ่มแอมเฟตามีน กลุ่มเดียวกับ ยาบ้า  ที่จะไปกดประสาทให้ไม่รู้สึกหิว

ผลข้างเคียง  ก็คือ นอนไม่หลับ ปวดหัว ความดันสูง หัวใจเต้นเร็ว ปากแห้ง เหงื่อออก คลื่นไส้ ท้องผูก ตาพร่า หูแว่ว หากทานติดต่อกันนานๆก็จะติดยาได้

.

4. ยาถ่าย   จะกระตุ้นให้ลำไส้ใหญ่บีบตัว ขับถ่ายออกบ่อยและมาก  ทำให้รู้สึกว่าน้ำหนักลดลง   แต่ถ้าใช้บ่อยๆก็เกิดการดื้อยาได้  ต้องเพิ่มปริมาณยาขึ้นเรื่อยๆถึงจะทำให้ถ่าย  และอาจไม่สามารถถ่ายเองได้อีก

ผลข้างเคียง  ก็คือ สูญเสียเกลือแร่และน้ำ อาการคล้ายๆกับยาขับปัสสาวะ

.

5. ยาลดการหลั่งกรดในกระเพาะ  ยานี้ไม่ได้เกี่ยวกับการลดน้ำหนัก แต่ใช้เพื่อลดผลข้างเคียงของยาลดความอยากอาหาร เพราะเมื่อไม่หิว ก็ไม่ทานอาหาร จึงต้องใช้ยาลดการหลั่งกรด ป้องกันโรคกระเพาะนั่นเอง

.

6. ยากลดใจสั่น  ยานี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับการลดน้ำหนักเหมือนกัน แต่ใช้เพื่อลดผลข้างเคียงของยา ที่ทำให้ความดันสูง และหัวใจเต้นผิดจังหวะ

.

7. ยานอนหลับ   ยานี้ยิ่งไม่เกี่ยวกับการลดน้ำหนักเลย แต่ใช้เพื่อลดผลข้างเคียง  จากยากลดความอยากอาหาร ซึ่งจะทำให้นอนไม่หลับ โดยผลข้างเคียงก็คือ  ทำให้กดการหายใจ  และความดันต่ำลง

.

จะเห็นว่ายาลดน้ำหนัก มีผลต่อน้ำหนักอยู่ไม่กี่อย่าง ไม่สร้างความร้อน ก็กดความอยาก ขับน้ำ ขับถ่าย ซึ่งไม่ได้ทำให้ไขมันเก่าออกไปเลย

ส่วนยาอื่นๆก็แค่เป็นตัวลดผลข้างเคียงของอีกตัว ต้านกันไปต้านกันมา ก็ส่งผลต่อหลายระบบ จากที่เริ่มแค่อ้วน กลับกลายเป็นโรคอื่นๆตามมาอีก

.

แล้วทำไมถึงยังมียาพวกนี้อยู่

ก็เพราะยา มีไว้สำหรับบำบัดโรค ซึ่งก็มีประโยชน์สำหรับผู้ป่วยจริงๆ เช่น คนที่ฮอร์โมนผิดปกติ กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม หรือกินปกติแต่ไม่ยอมเผาผลาญ หรือมีอาการทางจิตควบคุมอาหารไม่ได้ หรือผู้ป่วยด้านอื่นๆ

.

แต่สำหรับคนปกติทั่วไป ควรลดน้ำหนักด้วยวิธีปกติ ควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย เปลี่ยนพฤติกรรม   แต่ถึงแม้จะควบคุมอาหาร ออกกำลังกายจนผอมช่วงนึง  แต่ถ้ากลับไปมีพฤติกรรมแบบเดิมอีก ก็หนีไม่พ้นความอ้วนอีกเหมือนเดิม

.

กลับมาที่คำถาม ยาลดน้ำหนัก ยี่ห้อไหนดี

ถ้าอ่านมาตั้งแต่ต้น แล้วยังคิดว่าต้องการกินยาลดน้ำหนักอยู่อีก ให้ไปโรงพยาบาลที่น่าเชื่อถือ ปรึกษาแพทย์ที่มีจรรยาบรรณ และมีความเชี่ยวชาญ จะดีที่สุดค่ะ

ส่วนอาหารเสริมไม่ใช่ยาลดน้ำหนักนะคะ อย่าเอาไปปนกัน  แต่อาหารเสริมบางอันก็มียาลดน้ำหนักเจือปนเหมือนกัน เรื่องนี้ไว้พูดทีหลังแล้วกัน

.

ข้อมูลจาก

pharmacy.mahidol.ac.th

th.wikipedia.org

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.