กินคลีน คืออะไร
หัวใจหลักของการ กินคลีน คือการเลือกทานสิ่งที่ใกล้เคียง กับที่ธรรมชาติให้มากที่สุด ไม่ใช่ทานในปริมาณมากที่สุด
กินคลีน ไม่ได้พูดถึงความสะอาดของอาหาร แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่สะอาดก็ได้นะ แต่คำว่า “คลีน” ในที่นี้คือ “ปราศจากการปรุงแต่ง”
การกินคลีน ไม่ใช่แฟชั่น หรือแค่ทำเพื่อความเท่ห์ เช่น
มื้อนี้กินคลีน แต่ตบท้ายด้วยอาหารขยะ
กินคลีนมื้อเดียว มื้ออื่นไม่คลีน
เช้ากินสลัดจานนึง แล้วก็คิดว่าตัวเองกินคลีนแล้ว ตอนเย็นก็ไปกินหมูกะทะ
แบบนี้ไม่เรียกว่ากินคลีน
การกินคลีน ต้องทำให้เป็นวิถีชีวิต ทำเป็นประจำ
โดยกินคลีนให้เป็นสัดส่วน ที่มากกว่าอาหารปรุงแต่ง
ไม่ใช่ห้ามไม่ให้กินอาหารปรุงแต่งเลย แต่ให้อาหารคลีนเป็นอาหารหลัก
ส่วนอาหารปรุงแต่งเป็นแค่ส่วนเสริม ที่ให้น้อยที่สุดเท่าที่ทำได้
ทุกคนกินคลีนได้ไม่มีแบ่งแยก
ไม่จำเป็นต้องยาก ไม่ต้องเปลือง ไม่ต้องหรู ไม่ใช่อาหารเฉพาะกลุ่ม ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่กำลังลดน้ำหนัก ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ก็กินได้
เพราะการกินคลีน ก็เหมือนย้อนไปยุคโบราณ ที่ไม่มีการแปรรูปอาหารมากนัก คนโบราณถึงได้แข็งแรง ไม่อ้วน
จะมีก็แต่โรคที่มาจากเชื้อโรค ซึ่งปัจจุบันสามารถรักษาได้ ถ้าเราสามารถนำข้อดีของเดิมมาใช้
มีวัฒนาการทางการแพทย์ชั้นเยี่ยมอย่างปัจจุบัน เราก็สามารถมีสุขภาพที่ดีเหมือนคนสมัยก่อน และไม่เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆได้
การกินคลีน เพื่อสร้างสุขภาพ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อสร้างความสมดุล ให้ทำงานได้เป็นปกติที่สุด
คนที่อ้วน น้ำหนักก็จะลดลงไปได้เองโดยอัตโนมัติ
บางคนสับสนระหว่าง กินคลีน กับ whole foods
จริงๆแล้วคำว่า กินคลีน หมายถึงรูปแบบในการกิน
แต่คำว่า whole foods หมายถึง อาหาร
ดังนั้น whole foods จึงเป็นส่วนหนึ่ง ของรูปแบบการกินคลีนนั่นเอง
แต่จริงๆ การกินคลีน มีการเผยแพร่มานานมากๆแล้ว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1960
หลักการของการ ” กินคลีน “
1. ทานอาหารที่ไม่แปรรูป
- อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม หมูยอ กุนเชียง แหนม น้ำมันหอย เต้าเจี้ยว น้ำปลา น้ำส้มสายชู ผงปรุงรสต่างๆ ผลไม้แห้ง หรืออะไรที่แพคเกจเป็นกล่อง เป็นซอง แบบสำเร็จรูป หรือกึ่งสำเร็จรูปก็ตาม มักเป็นอาหารแปรรูปแทบทั้งสิ้น
- ให้ทานวัตถุดิบ ที่ใกล้เคียงของเดิมที่สุด เช่น เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อปลา ผักสด ผลไม้สด
2. ทานอาหารที่ขัดสีน้อยที่สุด
- อาหารขัดสีมาก เช่น แป้ง เส้นก๋วยเตี๋ยว น้ำตาลทรายขาว ข้าวขาว เพราะมันจะถูกคัดส่วนดีๆไปหมดแล้ว
- ให้ทานเป็นอาหารขัดสีน้อย เช่น ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ธัญพืช พืชหัว มัน พืชหนักแป้งต่างๆ และน้ำตาลจากธรรมชาติ เช่น น้ำผึ้ง น้ำอ้อย ที่ไม่ได้เติมน้ำตาลทราย
3. ทานโปรตีนทุกมื้อ
- ควรเป็นโปรตีน ที่ปราศจากไขมัน หรือโปรตีนไขมันต่ำ เช่น เนื้อไก่ เนื้อปลา ไข่ขาว
4. ทานน้อยๆแต่บ่อยๆ
- ทานอาหารมื้อหลัก 3 มื้อ ทานมื้อว่าง 2-3 มื้อ
- แต่ละมื้อ ต้องมีโปรตีนปราศจากไขมัน ผักสด ผลไม้สด และ คาร์โบไฮเดรทดี (ธัญพืช ข้าวกล้อง เมล็ดพืชขัดสีน้อย ไฟเบอร์ ฯลฯ)
- ทำแบบนี้ จะทำให้ร่างกายมีการเผาผลาญอยู่ตลอดเวลา ทำให้เรารู้สึกมีแรงตลอดทั้งวัน (อย่าลืมว่าแคลอรี่รวมต้องไม่เกินด้วย)
5. น้ำ
- ดื่มเครื่องดื่มที่ไม่มีแคลอรี่ เช่น น้ำเปล่า ชาไม่มีน้ำตาล กาแฟดำไม่มีน้ำตาลไม่มีครีม นมจืด ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ และไม่สูบบุหรี่
มันเหมือนฝึกปฏิบัติธรรมนะ ต้องละกิเลส ละการปรุงแต่งให้ได้
วิธีกินคลีน ในชีวิตประจำวัน
1. อาหารคลีนมักจะมีส่วนประกอบแค่ 1-2 อย่าง
เช่น โยเกิร์ตรสทำเองที่ไม่เติมน้ำตาล ก็จะมี แค่โยเกิร์ต อาจเพิ่มผลไม้สดลงไป
แต่อาหารที่ไม่คลีน มักจะมีส่วนประกอบหลายอย่าง
เช่น โยเกิร์ตรสผลไม้รวม ก็จะมีโยเกิร์ต และผลไม้เชื่อม น้ำตาล แป้ง ไขมัน(เติมเพิ่มความมัน) นมผง (โยเกิร์ตเติมแป้ง)
2. ทำเอง
ลงมือเตรียมอาหารเอง เราจะรู้ว่าเราใส่อะไร ไม่เติมอะไร แต่ถ้าซื้อแบบสำเร็จรูป เราจะไม่มีวันรู้เลยว่าในนั้นมีอะไรบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่ มีวัตถุดิบที่เราคาดไม่ถึงทีเดียว
3. ไม่มัน ไม่หวาน
เลี่ยงอาหารทอด และเชื่อม เช่น ปลาทอด ขนมปังทอด ผักทอด ผลไม้ทอด ผลไม้เชื่อม
4. ไม่ปรุง
เช่น น้ำปลา น้ำมนหอย น้ำจิ้มต่างๆ ซอสต่างๆ น้ำสลัด สรุปคือทานให้จืดที่สุดเท่าที่ทำได้
5. หวาน มัน ธรรมชาติ
ทานไขมันดี และทานความหวาน จากธรรมชาติ
เช่น ถั่วเคี้ยวเล่น มีไขมันดีจากธรรมชาติโดยตรง ผลไม้สดก็มีความหวานจากธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องนำอาหารไปเพิ่มน้ำมันด้วยการทอด หรือไปเพิ่มน้ำตาลด้วยการเชื่อม
6. พอดี
รู้จักขนาดที่พอดี แม้ว่าการกินคลีนจะดี แต่การจำกัดปริมาณ เป็นเรื่องจำเป็น ไม่ว่าอาหารนั้นจะมีประโยชน์แค่ไหน
ข้อดีของการ ” กินคลีน “
1. สุขภาพแข็งแรง ภายในสะอาด ไม่อ้วน
แม้ว่าจะไม่สามารถกินคลีนได้100% แต่อย่างน้อย 70% ของอาหารที่เข้าปากเราทั้งวัน เป็นอาหารคลีน ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว
แต่เพื่อให้เห็นผล ควรทำต่อเนื่อง ไม่ใช่กินคลีนมื้อ เว้นไปหลายวัน ค่อยกลับมากินอีก
2. เปลืองแรงแต่ประหยัดเงิน
แม้ว่าการกินคลีน อาจต้องลงมือเองเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าวางแผนดี ทำบ่อยๆ จะรู้ว่ามันไม่ยาก ไม่ใช้เวลามากอย่างที่คิด แถมยังประหยัดค่าใช้จ่าย มากกว่าการไปซื้ออาหารสำเร็จรูป หรือไปนั่งทานตามร้านทั่วไปด้วย
3. เตรียมครั้งเดียว เที่ยวได้ทั้งวัน
เราสามารถเตรียมอาหารคลีนในตอนเช้า แบ่งใส่กล่องเป็นมื้อๆ เมื่อถึงเวลา ก็แค่หยิบกล่องมาเปิดทาน เหมือนเบนโตะของญี่ปุ่น นำไปทานที่ทำงานได้ด้วย
การกินคลีนของแอดมิน ในวันนึงทำได้แค่ 70% ก็ถือว่าดีแล้วนะ อาจมีขนมบ้าง ของไม่คลีนบ้าง ก็ขึ้นอยู่กับความเคร่งของแต่ละคนล่ะค่ะ
แต่ถ้ามันเคร่งจนเครียดเกินไป แล้วมาตะบะแตกทีหลัง แบบนี้ก็แย่เลยนะ
อ้างอิง spryliving.com , วิธีกินอาหารคลีน
โดย ezygodiet.com